การผลิตใบมะกรูดเชิงการค้า
รศ.ดร.รวี เสรฐภักดี, สามารถ เศรษฐวิทยา และ สุขะวัฒน์ ทองเหลี่ยว
ศูนย์วิจัยและพัฒนาไม้ผลเขตร้อน ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นครปฐม 73140 โทร. 034-351-934 โทรสาร 034-351-934
เทคโนโลยีการผลิตใบมะกรูด
ไม้ยืนต้นตระกูลส้ม รวมถึงมะกรูดนั้น มีการเติบโตด้านกิ่งใบ (vegetative growth) สร้างใบ กิ่งก้าน ลำต้น และราก กับการเติบโตด้านสืบพันธุ์ (reproductive growth) สร้างดอก ผล และเมล็ด แยกกันอย่างชัดเจน หากมีการเติบโตด้านหนึ่งมาก การเติบโตอีกด้านหนึ่งก็จะลดลง การผลิตใบมะกรูดมุ่งไปที่การเติบโตด้านกิ่งใบ เป็นหลัก แต่ไม่เน้นการผลิตผลมะกรูด โดยอาศัยการตัดแต่งกิ่ง ร่วมกับการจัดการอื่นๆ เพื่อกระตุ้นให้มีการผลิตา และส่งเสริมการเติบโตทางกิ่งใบ ซึ่งมีสิ่งที่ควรคำนึงถึงดังนี้
- พื้นที่ปลูก ต้องมีการระบายน้ำดี น้ำไม่ท่วมขัง มีระดับความเป็นกรด-ด่าง (pH) ในช่วง 5.5 - 7.0 มีอินทรียวัตถุสูง หรือปรับแต่งโดยการใช้ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยพืชสด เสริม ควรมีการไถพรวนพื้นที่ก่อนเพื่อช่วยไม่ให้ดินแน่นทึบ การปลูกในโรงเรือนมุ้งตาข่ายขนาดความถี่ช่อง 20 เมช (Mesh; 20 ช่องต่อนิ้ว) ช่วยลดปัญหาของแมลงศัตรูพืชขนาดใหญ่ได้มาก
- การเตรียมแปลงปลูก และระยะปลูก ขนาดของแปลงปลูกที่เหมาะสม ควรมีความกว้าง 1 เมตร ยกระดับความสูงประมาณ 20 - 25 ซม. จากผิวดิน มีทางเดินระหว่างแปลงกว้าง 50 ซม. ปลูกแบบแถวคู่ สลับฟันปลา ใช้ระยะระหว่างต้น 50 ซม. และระยะระหว่างแถว 50 ซม. (ภาพที่ 1) ในพื้นที่ 1 งาน (20 x 20 ม. หรือ 400 ตารางเมตร) มีแปลงปลูกหน้ากว้าง 1 เมตร ยาว 18 เมตร จำนวน 18 แปลง แต่ละแปลงปลูกได้ 72 ต้น รวมจำนวนต้นมะกรูดทั้งหมด 1,296 ต้น
ไม่มีความจำเป็นที่จะใช้ระยะปลูกที่ห่างกว่า เนื่องจากการผลิตใบมะกรูดนั้น มีการตัดแต่งกิ่ง เพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งเท่ากับเป็นการควบคุมขนาดพุ่มต้นไปพร้อมกันอยู่แล้ว
ภาพที่ 1 ขนาดแปลง และระยะปลูก
- กิ่งพันธุ์ สามารถใช้ต้นพันธุ์ที่ขยายจากการเพาะเมล็ด กิ่งปักชำ หรือกิ่งตอน แต่ต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ด มักมีการเติบโตที่ช้ากว่าในช่วงระยะแรก ต้นพันธุ์ที่พร้อมปลูกลงแปลงควรมีอายุ 1-2 เดือน มีระบบรากที่ดี ไม่ม้วนวนเนื่องจากอยู่ในถุงปลูกนานเกินไป และที่สำคัญคือ จะต้องปลอดจากโรคแคงเกอร์ส้ม (citrus canker) โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Xanthomonas campestris pv. citri (Hasse) Dye ซึ่งเป็นข้อจำกัดหลักที่ทำให้เราไม่สามารถส่งออกใบมะกรูดไปยังกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปได้
การกำจัดโรคนี้ทำได้ยาก เมื่อมีการแพร่ระบาดเข้าไปในแปลงปลูกแล้ว ดังนั้นจึงควรป้องกันตั้งแต่เริ่มแรก โดยใช้วิธีการคัดเลือกกิ่ง และตัดแต่งกิ่ง/ใบ ส่วนที่เป็นโรคออกแล้วนำไปเผาไฟ จากนั้นนำกิ่งพันธุ์ไปแช่ในสารปฏิชีวนะ เช่น สเตร็ปโตมัยซิน (Streptomycin) ความเข้มข้น 500 พีพีเอ็ม เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ก่อนนำไปปลูก หรือ แช่ในสารชีวภัณฑ์ ไตรโคเดอร์มา ชนิดน้ำ ที่ผสมในอัตรา 1 ลิตรต่อน้ำ 100 ลิตร เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ก่อนนำไปปลูก
- การจัดการแปลง แนะนำให้ใช้ผ้าพลาสติก หรือใช้ฟางข้าวคลุมแปลงปลูก เพื่อป้องกันวัชพืชและช่วยรักษาความชื้นในดิน
- ระบบน้ำ ในกรณีที่ใช้ผ้าพลาสติกคลุมแปลงปลูก แนะนำให้ใช้ระบบน้ำหยด ที่สามารถจ่ายปุ๋ยไปพร้อมกับการให้น้ำ (fertigation) ส่วนแปลงที่ไม่ได้ใช้ผ้าพลาสติกคลุม สามารถเลือกให้น้ำด้วยระบบต่างๆ ที่มีอยู่ตามความเหมาะสม
- การให้ปุ๋ย ในการผลิตใบมะกรูดนั้น มีนำเอาธาตุอาหารออกไปจากดินอย่างต่อเนื่อง โดยติดไปกับผลผลิตที่เก็บเกี่ยวออกพื้นที่ จึงจำเป็นต้องให้ปุ๋ยกลับคืน เพื่อชดเชยระดับธาตุอาหารในดินให้เหมาะสม ปุ๋ยที่ใช้ควรมีสัดส่วนของธาตุอาหาร N-P-K ประมาณ 5 : 1 : 3 หรือ 5 : 1 : 4 หรือใกล้เคียงกัน เช่น ปุ๋ยทางดินสูตร 21-7-14, 20-4-16 (ใช้ปุ๋ย 15-5-20 ผสมกับ 46-0-0 อัตรา 4 ต่อ 1) อัตรา 5 กรัมต่อต้น หรือให้ไปกับระบบน้ำ ทุก 20-30 วัน ปุ๋ยทางใบ สูตร 24-9-19, 18-6-12 พ่นทุก 7-14 วัน ส่วนธาตุอาหารอื่นๆ ก็จำเป็นต้องเสริมให้หลังแตกใบอ่อนเป็นระยะซึ่งมีอยู่ในปุ๋ยทางใบ
- การป้องกันกำจัดศัตรูพืช นอกจากโรคแคงเกอร์แล้ว ไม่พบว่ามีโรคอื่นๆ ที่สร้างความเสียหายรุนแรง ส่วนแมลงศัตรูพืชที่สำคัญได้แก่ เพลี้ยไฟ หนอนชอนใบ เพลี้ยอ่อน และเพลี้ยแป้ง ซึ่งสามารถพ่นสารป้องกันกำจัดแมลง เช่น อาบาเม็กติน ไซเปอร์เมทริน อิมิดาคลอพริด ฟิโปรนิล หรือไดโนทีฟูแรนโดยแนะนำให้พ่นที่ 1, 4 และ7 วันหลังแตกยอด (ระยะเขี้ยวงู) ตามอัตราที่แนะนำในฉลาก การปลูกในโรงเรือนมุ้งตาข่ายสามารถป้องกันหนอนชอนใบและแมลงศัตรูอื่นๆ ได้ดีในระดับหนึ่ง
- การตั้งทรงพุ่ม หลังย้ายปลูกลงแปลงประมาณ 4 - 6 เดือน ตัดแต่งปลายยอดออก ที่ระดับความสูง 60 -80 ซม. จากผิวดิน ตัดกิ่งแขนงออก ให้ลำต้นส่วนล่างนี้ เป็นลำเดี่ยว เรียกว่า หน้าแข้ง ภายหลังการตัดแต่ง ตาจะเริ่มผลิและยืดออกเป็นยอดใหม่ เลือกยอดใหม่ที่แข็งแรงและเติบโตพุ่มขึ้นไว้ 2 – 3 ยอด กระจายห่างกัน ยอดที่อยู่ในแนวตั้งฉาก หรือเกือบตั้งฉากกับพื้นจะเติบโตได้ดี มีใบใหญ่จำนวนมากกว่า เมื่อเทียบกับกิ่งที่เอนขนานกับพื้น 1 ต้นมียอดที่จะตัดเก็บเกี่ยวได้ 6 ยอด นี่คือโครงสร้างของพุ่มต้นมะกรูดที่จะรักษาไว้ (ภาพที่ 2)
ภาพที่ 2 โครงสร้างของพุ่มต้นมะกรูดเพื่อการตัดใบ
- การเก็บเกี่ยวผลผลิต หลังตัดกิ่งแล้ว 7 วันจะเริ่มแตกตา ยอดใหม่มีการเติบโตยืดตัว ใบเริ่มคลี่สุดประมาณ 30 วัน และใบพร้อมเก็บเกี่ยวได้หลังตัดแต่งกิ่งแล้ว 45-60 วัน โดยตัดลึกให้เหลือตอละ 2 ตา จะได้น้ำหนักผลผลิต 300-500 กรัมต่อต้น หรืออย่างน้อย 1.5 ตันต่อไร่ต่อรอบ ซึ่งในรอบปีจะให้ผลผลิตได้ 6 รอบ